บทที่ 1
เรื่อง ประวัติความเป็นมาของแคน
แคน
เป็นเครื่องดนตรีประเภทเป่าที่เก่าแก่ชนิดหนึ่งของโลก สันนิษฐานว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 3,000 ปี ดังปรากฏหลักฐานจากการขุดค้นซากแคนในชั้นหินอายุกว่า
2,000 ปีในมณฑลยูนนานของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และการขุดค้นทางโบราณคดี
ที่เมืองดองซองริมแม่น้ำซองมา ในจังหวัดถั่นหัวประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามได้ค้นพบขวานสำริดจำหลักเป็นรูปคนเป่าแคนน้ำเต้าอายุประมาณ
3,000 ปี
คนไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือรู้จักเล่นดนตรีประเภทแคนมานานแล้ว โดยนำไปใช้ประกอบการละเล่น การแสดงหมอลำ งานประเพณี
พิธีกรรม ขบวนแห่ต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันก็ยังนิยมเล่นอยู่ทั่วไป
และได้มีการพัฒนารูปแบบของแคนให้ดียิ่งขึ้นเรื่อยมา
จนถึงปัจจุบันมีแคนหลายชนิด เช่น แคนหก แคนเจ็ด
แคนแปด แคนเก้า และแคนสิบ แต่ที่นิยมใช้มากที่สุดคือแคนแปด
เพลงแคน แคนเป็นเครื่องดนตรีที่สามารถนำไปใช้บรรเลงได้ทั้งเพลงไทยเดิม เพลงไทยสากล
และเพลงลูกทุ่ง และเมื่อนำมาใช้บรรเลงทำนองของเพลงพื้นบ้านอีสานเรียกว่า “ลายแคน” ดังนั้นคำว่า เพลง ซึ่งเป็นการบรรเลงทำนองของแคนจึงมีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า
ลาย ลายแคนที่เป็นแม่บทหรือลายหลักมี 6
ลายคือ ลายน้อย ลายใหญ่ ลายโป้ซ้าย ลายสร้อย ลายเซ และลายสุดสะแนน และยังแบ่งย่อยออกเป็นลายอื่น ๆ อีก
สนอง คลังพระสี (2541:142-143)
ให้ความหมายของคำว่า ลาย สรุปได้ดังนี้
1.
ลาย หมายถึง
เพลง และ/หรือทำนองใดทำนองหนึ่ง เช่น ลายต้อนวัวขึ้นภู ลายเต้ย ลายลมพัดพร้าว เป็นต้น
2.
ลาย หมายถึง เพลง และ/หรือทำนองที่บรรเลงโดยเครื่องดนตรีแต่ละชนิด เช่น
ลายแคน ลายพิณ และลายแซกโซโฟน
เป็นต้น
3.
ลาย หมายถึงลีลาการแสดงของนักดนตรีแต่ละคน
4.
ลาย หมายถึงทางหรือระดับเสียง
(Mode) ที่ใช้บรรเลงในแต่ละบท ทั้งนี้ยึดลายแคนเป็นหลัก ลายแคนแต่ละลายเกิดจากการผสมเสียงของลูกแคนอย่างเป็นระบบโดยอาศัยเสียง
5 เสียงและใช้เสียงเสพ (Drone) ซึ่งหมายถึงเสียงที่ดังอยู่ตลอดเวลาโดยไม่เปลี่ยนระดับเสียง เป็นเสียงหลักในการจำแนกลายแต่ละลาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น